สัตว์ประจำชาติบรูไน
เสือโคร่ง สัตว์ประจำชาติบรูไน
เสือโคร่ง หรือ เสือลายพาดกลอน เป็นสัตว์ประจำชาติ ประเทศบรูไน โดยอยู่ในตระกูลแมวที่มีรูปร่างใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังจัดว่าเป็นเสือที่มีสายพันธุ์ใหญ่ที่สุด ด้วยน้ำหนักตัวประมาณ 500 กิโลกรัม ลักษณะลำตัวของมันมีสีเหลืองแดงหรือสีขมิ้น มีแถบดำหรือน้ำตาลพาดตามลำตัวเป็นแนวตั้ง เลี้ยงลูกด้วยนม ออกล่าเหยื่อได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ทว่าส่วนมากชอบหากินในเวลากลางคืน โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำและตอนเช้ามืด เนื่องจากกลางวันเป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด มันจึงมักเลือกที่จะนอนพักผ่อนอย่างสบายใจมากกว่า ในช่วงเวลาที่มันออกล่าเหยื่อนั้น ด้วยสายตาที่สามารถมองเห็นได้ชัดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เมื่อคืบคลานเข้าหาเหยื่อในระยะใกล้ที่ 10-25 เมตร กระทั่งระยะ 2-5 เมตร มันจะรีบกระโดดตะครุบใส่เหยื่อทันที
เสื่อโคร่งสายพันธุ์นี้ มักชอบอาศัยอยู่ในป่าทึบสลับกับทุ่งหญ้าขนาดโล่ง ชอบลงแช่น้ำและว่ายน้ำเป็นอย่างมาก โดยมีอุปนิสัยนี้ซึ่งแตกต่างจากเสือสายพันธุ์อื่นกันเลยทีเดียว และเป็นเสือที่หวงถิ่น มันจะประกาศอาณาเขตถิ่นฐานของมันด้วยการปัสสาวะรดใส่ต้นไม้และโขดหินเพื่อให้กลิ่นของมันติดอยู่ นอกจากนี้ ในบางครั้งอาจจะข่วนเล็บบนเปลือกไม้เพื่อเป็นการประกาศอาณาเขตและลับเล็บให้คมกริบไปในตัว หากเสือโคร่งตัวอื่นหรือมีสัตว์ขนาดใหญ่ชนิดอื่น ๆ รุกล้ำเข้ามาก็จะเกิดการต่อสู้กัน
ชาวสมาชิก อาเซียน หลายคนย่อมกลัวเสือโคร่งหรือแม้แต่เสือทุกสายพันธุ์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะขึ้นชื่อว่าเสือแล้ว มันย่อมมีนิสัยดุร้าย ทว่าแท้จริงแล้ว ตามปกติ เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่กลัวมนุษย์ค่ะหากมันเจอมนุษย์มันจะหลบหนีไป แต่ขณะเดียวกัน มันก็สามารถทำร้ายและกินเนื้อมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน แต่นิสัยแท้จริงมันมักล่าสัตว์อื่น ๆ กินเสียมากกว่าการกินเนื้อมนุษย์ โดยเฉพาะการล่าเนื้อ หากเหยื่อมีการบาดเจ็บหรือจนตรอกไม่สามารถต่อกรกับมันได้นั่นเอง แต่หากเป็นเสือที่อายุมากแล้วก็ไม่สามารถล่าเหยื่อชนิดอื่นได้เช่นเดียวกัน
ราชอาณาจักรกัมพูชา
สัตว์ประจำชาติอินโดนีเซีย
มังกรโคโมโด (Komodo dragon) สัตว์ประจำชาติอินโดนีเซีย
ในกลุ่มประเทศอาเซียนแต่ละประเทศล้วนมีสัตว์ประจำชาติที่แตกต่างกันไป บ้างก็มีทั้งสัตว์ดุร้าย บ้างก็เป็นสัตว์ที่มีความเชื่อง ไม่มีพิษมีภัย และสำหรับประเทศอินโดนีเซีย สัตว์ประจำชาติก็เป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายไม่น้อยเช่นกัน นั่นก็คือ มังกรโคโมโด (Komodo dragon) สัตว์ดุร้ายชนิดนี้เหล่าสมาชิกอาเซียนหลายท่านเป็นต้องรู้จักกันไม่น้อยเป็นแน่ เนื่องจากมันมีลักษณะลำตัวที่น่าสะพรึงกลัว โดยเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่าที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักตัวมากที่สุด ลำตัวของมันจะเป็นสีเทาออกดำ นิสัยดุร้ายอย่างมาก มังกรโคโมโดมีชื่อทางพื้นเมืองว่า โอรา (Ora) ส่วนบนเกาะฟลอเรสมีชื่อเรียกว่า บีอาวัค รัคซาสา (BIAWAK RAKSASA) ซึ่งแปลว่า ตะกวดยักษ์ ทั้งนี้ มันยังเป็นสัตว์ประจำถิ่นที่สามารถพบได้ในเกาะโคโมโด เกาะริงกาและเกาะปาดาร์แห่ง ประเทศอินโดนีเซีย
ด้วยฟันที่มีความคมและในขณะที่วิ่งล่าเหยื่อ บวกกับนิสัยอันร้ายกาจจนเป็นที่น่ากลัวมาก ๆ แล้ว หากเอาเข้าจริง แม้ว่ามังกรโคโมโดนี้จะเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษ หากก็เปรียบเสมือนว่ามันมีพิษอย่างยิ่ง เพราะมันมีเชื้อแบคทีเรียซึ่งอยู่ในน้ำลายมากกว่า 50 ชนิด หลังจากมันกัดเหยื่อแล้วจะส่งผลให้โลหิตของเหยื่อกลายเป็นพิษทันที กระทั่งเหยื่อเสียชีวิตลงภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน เหยื่อของมังกรโคโมโดจากเดิมเคยเป็นช้างแคระ แต่ในปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยกลไลตามธรรมชาติที่สอนให้มันต้องมีชีวิตและล่าเหยื่อต่อไป มันจึงนิยมกินเนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ เช่น กวาง วัวและควายของชาวบ้าน อีกทั้งยังล่าแม้กระทั่งลูกของมังกรโคโมโดด้วยกันอีกด้วย สำหรับการเจริญเติบโตของมันเมื่อได้ดำรงชีวิตท่ามกลางผืนป่าธรรมชาติ มังกรโคโมโดจะโตเต็มที่เมื่ออายุ 15 ปี และมีอายุยืนมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และแม้การล่าอาหารของมันจะมาพร้อมความดุร้าย แต่มันก็เป็นสัตว์ที่กินอาหารเพียงเดือนละ 1 ครั้ง โดยกินในปริมาณแต่ละครั้งได้มากถึง 3 ใน 4 ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สัตว์ประจำชาติลาว
ช้างเอเชีย (Asian Elephant) สัตว์ประจำชาติลาว
ชาวอาเซียนหลายท่านย่อมรู้จักช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติไทยกันมาบ้างแล้ว ทว่าช้างยังเป็นสัตว์ประจำชาติลาวอีกด้วย เนื่องจากประเทศลาวมีช้างจำนวนมากมาย และยังเป็นสัญลักษณ์ธงแห่งอาณาจักรล้านช้างซึ่งเป็นอาณาจักรของลาวในสมัยก่อนด้วย ลำตัวของช้างมีสีเทา จมูกยื่นยาวที่เรียกว่า งวง แต่งวงของช้างเอเชียบ้านเรานั้นจะมีเพียงจะงอยเดียว ซึ่งต่างจากช้างของแอฟริกาที่มี 2 จะงอยและยังมีใบหูเล็กกว่าอีกด้วย แต่ช้างเอเชียมีอายุยืนมากกว่าช้างแอฟริกา โดยมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 60 ปี
ลักษณะของช้างตัวผู้จะมีงายาวเรียกว่า ช้างพลาย หากไม่มีงาเรียกว่า ช้างสีดอ ส่วนตัวเมียเรียกกันว่า ช้างพัง มักจะไม่มีงาปรากฏให้ได้พบเห็น ขณะเดียวกัน ช้างบางตัวยังพบว่ามีงาสั้นอีกด้วย โดยเรียกว่า ขนาย ซึ่งโผล่ออกมาจากตำแหน่งที่ควรจะเป็นงายาวๆ สำหรับช่วงฤดูผสมพันธุ์นั้น ช้างจะมีอารมณ์ดุร้ายมาก ตั้งท้องโดยใช้เวลานานประมาณ 18-22 เดือน แต่จะออกลูกเพียงครั้งละตัวเท่านั้น ทั้งนี้ มันยังเป็นสัตว์ประเภทเลี้ยงลูกด้วยนมอีกด้วย
งาช้าง สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. งาปลี ลักษณะเป็นลำใหญ่ วัดรอบได้ประมาณ 15 นิ้ว แต่ไม่ได้มีความยาวมากนัก
2. งาหวายหรืองาเครือ มีลักษณะยาวรี วัดรอบได้ประมาณ 14 นิ้ว
การกินอาหารของช้างนั้น หลายคนอาจจะรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างเพราะเข้าใจว่ามันอาจจะล่าเนื้อสัตว์หรือกินมนุษย์เป็นอาหารหรือไม่ แท้จริงแล้ว ช้างเป็นสัตว์ที่เชื่องมากแถมยังกินพืชเป็นอาหาร มันมักจะอยู่รวมตัวกันเป็นโขลงหรือหลายๆ ตัว ช้างพังที่อายุมากมักเป็นหัวหน้าที่เรียกว่า จ่าโขลง ช้างเอเชียสำหรับบ้านเรา ตั้งแต่สมัยโบราณมามักจะถูกเลี้ยงไว้เพื่อนำมาใช้งานประเภทต่างๆ เช่น ใช้ลากซุง เป็นพาหนะขนสิ่งของและใช้เพื่อการสู้รบในศึกสงคราม สำหรับประเทศอาเซียนในเขตภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักนับถือช้างเป็นสัตว์ชั้นสูง สังเกตพบได้จากตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งทางตำราคชลักษณ์และธงรูปช้าง เป็นต้น
ประเทศมาเลเซีย
เสือโคร่งพันธุ์มลายู (Malayan Tiger)
เสือโคร่งพันธุ์มลายู (Malayan Tiger) สัตว์ประจำชาติมาเลเซีย
เสือโคร่งมาเลเซีย เป็นเสือที่มีสายพันธุ์แยกออกมาจากเสือโคร่งอินโดจีน หากแต่มีลักษณะรูปร่างที่เล็กกว่าอยู่เล็กน้อย แต่ลักษณะโดยรวมทั่วไปนั้นถือว่ามีความใกล้เคียงกันมาก สำหรับเสือโคร่งชนิดนี้พบในป่าดิบชื้นของประเทศมาเลเซียเพนนิซูล่า ตรังกานู กลันตัน เประและปะหัง สำหรับประเทศไทยนั้นพบได้ในป่าที่อยู่ในทางตอนใต้สุดของประเทศซึ่งเป็นดินแดนติดต่อกับชายแดนประเทศมาเลเซียนั่นเอง เสือโคร่งจึงมีการแพร่สายพันธุ์และอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวทำให้เราสามารถพบเสือโคร่งเหล่านี้ได้จำนวนมาก
หากแต่เนื่องจากปัจจุบันความเจริญรุ่งเรืองของประเทศรุดหน้าไปไกล อีกทั้งการล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาขายยังมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสือโคร่งกลายเป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะใกล้จะสูญพันธุ์ไปอย่างน่าใจหาย สำหรับเสือโคร่งพันธุ์มลายู นอกจากเป็นสัตว์ประจำชาติของมาเลเซียแล้ว ยังนับเป็นสัตว์ที่ปรากฏบนตราสัญลักษณ์แผ่นดินของมาเลเซียอีกด้วย เพราะเหตุนี้นี่เอง ประเทศมาเลเซียจึงได้รับการขนานนามว่า ‘เสือเหลือง’
เสือโคร่งมลายูชนิดนี้ มักอาศัยอยู่ในผืนป่าเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความกว้างใหญ่อะไรนัก อีกทั้งท่ามกลางผืนป่าที่พบก็ไม่ได้มีจำนวนเสือโคร่งอาศัยอยู่มาก ขณะเดียวกัน มันชอบอาศัยอยู่ตามบริเวณป่าเต็งรังซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ อีกทั้งยังพบว่าพวกมันยังชอบอาศัยอยู่ในป่าพรุอีกด้วยในปัจจุบันทางกฎหมายของมาเลเซียได้ระบุให้เสือโคร่งกลายเป็นสัตว์คุ้มครองชนิดเข้มงวด ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 และทางมาเลเซียก็ได้รับผลตอบรับในด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สำหรับการออกกฎหมายควบคุมเพื่อลดปริมาณการล่าสัตว์ลงซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีทีเดียวที่สัตว์ประจำชาติมาเลเซียไม่ได้มีโอกาสสูญพันธุ์ไปจากโลกแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น