วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน

1. รัฐบรูไนดารุสซาลาม

ดอกไม้ประจำชาติ รัฐบรูไนดารุสซาลาม คือดอกSimpor ภาษาอังกฤษเรียกว่า Dillenia suffruticosa คนไทยเรียกว่า ดอกส้านชะวา มีกลีบดอกสีเหลืองสดใสขนาดใหญ่ เมื่อบานอย่างเต็มที่กลีบดอกจะแผ่กระจายออกเหมือนร่ม

ดอก Simpor หรือ ส้านชวา

ต้น Simpor พบได้ทั่วไปตามแม่น้ำในประเทศบรูไน ภาพของดอก Simpor ปรากฎอยู่ในธนบัตรหนึ่งดอลลาร์บรูไน และนิยมใช้เป็นแบบลวดลายในการออกแบบงานศิลปะต่าง ๆ

ธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์บรูไน 

2. ราชอาณาจักรกัมพูชา 

ดอกลำดวน

ดอกไม้ประจำชาติกัมพูชา คือ ดอกลำดวน หรือ หอมนวล เป็นดอกไม้ขนาดเล็ก มีสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมในช่วงเวลาเย็นเป็นดอกเดี่ยวออกตามส่วนยอดและตามง่ามใบ มีกลีบดอก 6 กลีบ ซ้อนกันเป็นชั้น ปลายกลีบแหลม โคนกลีบดอกกว้าง ดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง กลิ่นหอมเย็น ออกดอกช่วง เดือนธันวาคม-มีนาคม

ลำดวนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 5–10 เมตร ผิวเปลือกลำต้นเป็นสีเทา ผิวต้นเรียบ มีรอยแตกเล็กน้อยแตก ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันตามข้อ ลำต้น ใบเป็นรูปหอก ยาวรี ปลายใบแหลม โคนใบมนแหลม ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม สามารถพบได้เกือบทุกที่ในประเทศกัมพูชา นิยมปลูกเป็นไม้ตกแต่งในสวนสาธารณะ

3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

ดอกไม้ประจำชาติของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย คือ Moon Orchid หรือ กล้วยไม้ราตรี เป็นกล้วยไม้ในสกุลฟาเลนนอปซิส (Phalaenopsis Amabilis) ในภาษาอินโดนีเซียเรียกว่า Angrek bulan เป็นดอกกล้วยไม้ที่บานนานที่สุด ช่อดอกอยู่ได้นานถึง 2-6 เดือน เจริญเติบโตได้ดีในที่มีอากาศชื้น พบได้ทั่วไปในที่ราบต่ำของอินโดนีเซีย

ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid)

กล้วยไม้ราตรีจัดเป็น 1 ใน 3 ของดอกไม้ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอินโดนีเซีย อันประกอบด้วย
  • ดอกเมลาตี หรือดอกมะลิลา (Jasminum sambac)
  • ดอกกล้วยไม้ราตรี หรือ Moon Orchid 
  • ดอกบัวผุด หรือ Rafflesia arnoldii  
ดอกไม้ 3 ชนิดที่เป็นสัญลักษณ์ของอินโดนีเซีย : กล้วยไม้ราตรี มะลิลา และบัวผุด

4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ดอกไม้ประจำชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คือ ดอกจำปา (Champa)  ซึ่งคนไทยเรียกวา จำปาลาว ลั่นทม ลีลาวดี

ดอกลั่นทม หรือจำปาลาว

จำปาลาว หรือ ลั่นทม เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม มีหลากหลายสี เช่น แดง เหลือง ชมพู และสีหวานๆ หลายสี สำหรับคนลาว ดอกจำปาลาว หมายถึงความจริงใจ และความสุขในชีวิต จึงมักใช้ตกแต่งในงานพิธี หรือทำพวงมาลัยสำหรับต้อนรับแขก ดอกจำปาลาวจะบานตลอดปี เป็นต้นไม้ที่ปลูกทั่วประเทศ

5. มาเลเซีย

ดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย คือ  Bunga raya (บูหงา-รายอ) หรือ ดอกพู่ระหง หรือชบาสีแดง

ดอกชบา

ดอกพู่ระหง หรือ ชบาสีแดง ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซียมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 โดยลักษณะห้ากลีบของดอกชบา ถือเป็นสัญลักษณ์แทน "ห้าหลักการของความเป็นชาติ" ซึ่งถือเป็นปรัชญาในการเสริมสร้างเอกภาพแห่งชาติของมาเลเซีย ในขณะที่สีแดง แสดงถึงความกล้าหาญ

6. สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

ดอกไม้ประจำชาติของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ คือ Paduak หรือ ดอกประดู่

ดอกประดู่

ประดู่ เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีดอกเป็นช่อออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองทอง บานในเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ของพม่า เมื่อบานสะพรั่งเต็มที่ จะเปลี่ยนเป็นสีทองทั้งต้น

ชาวพม่าเปรียบดอกประดูเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงอดทน และความรัก เป็นดอกไม้ที่มีความสำคัญในพิธีทางศาสนา สามารถพบได้ทั่วประเทศ ลำต้นยังมีประโยชน์ในการใช้ทำเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย

7. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 

ดอกไม้ประจำชาติสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คือ Sampaguita หรือ Jasminum sambac หรือ Arabian jasmine ในภาษาอังกฤษ เป็นดอกมะลิชนิดหนึ่ง มีกลีบรูปดาวสีขาว บานตลอดทั้งปี แย้มดอกตอนกลางคืน และมีกลิ่นหอม ชาวฟิลิปปินส์ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมต้น และความเข้มแข็ง
ดอกมะลิ

8. สาธารณรัฐสิงคโปร์ 

ดอกไม้ประจำชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์ คือดอกกล้วยไม้สกุลแวนด้า สายพันธุ์ แวนด้า มิสโจเคียม (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด พบได้ทั่วไปในประเทศสิงคโปร์ โดยตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ มีสีม่วง รูปลักษณ์ที่สวยงาม อีกทั้งบานตลอดปี ถูกยกสถานะให้เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 1981

กล้วยไม้ แวนด้ามิสโจเคียม


9.  ราชอาณาจักรไทย

ดอกไม้ประจำชาติของไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่นของไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกว่า คูน ทางภาคเหนือเรียกว่า ลมแล้ง ทางภาคใต้เรียกว่า ราชพฤกษ์ ลักเกลือ หรือ ลักเคย ชาวกะเหรี่ยงและในกาญจนบุรีเรียกว่า กุเพยะ

ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน

ราชพฤกษ์มีช่อดอกสีเหลืองที่สวยงาม ชาวไทยถือว่าสีเหลืองของดอกไม้ชนิดนี้ คือ สีของพระพุทธศาสนาและความรุ่งโรจน์ และเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของคนไทย 

ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้มงคล นิยมใช้ประกอบพีธีที่สำคัญ เช่น พีธีเสาไม้หลักเมือง เป็นส่วนประกอบในการทำคฑาจอมพล และ ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ฯลฯ ดอกราชพฤกษ์จะเริ่มบานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ขณะผลิบานต้นจะทิ้งใบ เหลือเพียงดอกสีเหลืองอร่าม

10. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ดอกไม้ประจำชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คือ ดอกบัวหลวงสีแดง ดอกบัวเป็นที่รู้จักในนาม “ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ” พบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำของประเทศเวียดนาม

ดอกบัวหลวง

สำหรับชาวเวียดนามแล้ว ดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ความสง่างามของดอกบัวมักถูกกล่าวถึงในบทกลอน และเพลงพื้นเมืองของประเทศเวียดนามเสมอ


อ้างอิง :
กรมอาเซียน, กระทรวงต่างประเทศ. บันทึกการเดินทางอาเซียน. พิมพ์ครั้งที่ 1.  หน้า 77-81. กรุงเทพฯ : วิธิตา แอนิเมชั่น, 2552.

สัตว์ประจำชาติอาเซียน

สัตว์ประจำชาติ

 รูไนดารุสซาลาม 
  

 

สัตว์ประจำชาติบรูไน

เสือโคร่ง สัตว์ประจำชาติบรูไน
     เสือโคร่ง หรือ เสือลายพาดกลอน เป็นสัตว์ประจำชาติ ประเทศบรูไน โดยอยู่ในตระกูลแมวที่มีรูปร่างใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังจัดว่าเป็นเสือที่มีสายพันธุ์ใหญ่ที่สุด ด้วยน้ำหนักตัวประมาณ 500 กิโลกรัม ลักษณะลำตัวของมันมีสีเหลืองแดงหรือสีขมิ้น มีแถบดำหรือน้ำตาลพาดตามลำตัวเป็นแนวตั้ง เลี้ยงลูกด้วยนม ออกล่าเหยื่อได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ทว่าส่วนมากชอบหากินในเวลากลางคืน โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำและตอนเช้ามืด เนื่องจากกลางวันเป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด มันจึงมักเลือกที่จะนอนพักผ่อนอย่างสบายใจมากกว่า ในช่วงเวลาที่มันออกล่าเหยื่อนั้น ด้วยสายตาที่สามารถมองเห็นได้ชัดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เมื่อคืบคลานเข้าหาเหยื่อในระยะใกล้ที่ 10-25 เมตร กระทั่งระยะ 2-5 เมตร มันจะรีบกระโดดตะครุบใส่เหยื่อทันที
     เสื่อโคร่งสายพันธุ์นี้ มักชอบอาศัยอยู่ในป่าทึบสลับกับทุ่งหญ้าขนาดโล่ง ชอบลงแช่น้ำและว่ายน้ำเป็นอย่างมาก โดยมีอุปนิสัยนี้ซึ่งแตกต่างจากเสือสายพันธุ์อื่นกันเลยทีเดียว และเป็นเสือที่หวงถิ่น มันจะประกาศอาณาเขตถิ่นฐานของมันด้วยการปัสสาวะรดใส่ต้นไม้และโขดหินเพื่อให้กลิ่นของมันติดอยู่ นอกจากนี้ ในบางครั้งอาจจะข่วนเล็บบนเปลือกไม้เพื่อเป็นการประกาศอาณาเขตและลับเล็บให้คมกริบไปในตัว หากเสือโคร่งตัวอื่นหรือมีสัตว์ขนาดใหญ่ชนิดอื่น ๆ รุกล้ำเข้ามาก็จะเกิดการต่อสู้กัน
     ชาวสมาชิก อาเซียน หลายคนย่อมกลัวเสือโคร่งหรือแม้แต่เสือทุกสายพันธุ์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะขึ้นชื่อว่าเสือแล้ว มันย่อมมีนิสัยดุร้าย ทว่าแท้จริงแล้ว ตามปกติ เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่กลัวมนุษย์ค่ะหากมันเจอมนุษย์มันจะหลบหนีไป แต่ขณะเดียวกัน มันก็สามารถทำร้ายและกินเนื้อมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน แต่นิสัยแท้จริงมันมักล่าสัตว์อื่น ๆ กินเสียมากกว่าการกินเนื้อมนุษย์ โดยเฉพาะการล่าเนื้อ หากเหยื่อมีการบาดเจ็บหรือจนตรอกไม่สามารถต่อกรกับมันได้นั่นเอง แต่หากเป็นเสือที่อายุมากแล้วก็ไม่สามารถล่าเหยื่อชนิดอื่นได้เช่นเดียวกัน


 ราชอาณาจักรกัมพูชา 


สัตว์ประจำชาติกัมพูชา

กูปรี (Kouprey) หรือ โคไพร สัตว์ประจำชาติกัมพูชา
     กูปรี เป็นสัตว์ประจำชาติกัมพูชา หนึ่งในประเทศอาเซียนที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยเรา 
กูปรีนั้นเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับกระทิงและวัวป่า ลักษณะกูปรีตัวผู้จะมีขนสีดำ เขาโค้งเป็นวงกว้างแล้วตีวงโค้งไปข้างหน้า  ในส่วนปลายเขาจะแตกออกเป็นพู่คล้ายกับเส้นของไม้กวาดแข็งๆ ขาทั้ง 4 ของมันจะมีถุงเท้าสีขาวเหมือนกันกับกระทิง สำหรับตัวผู้ที่อายุมากจะพบเหนียงใต้ลำคอยาวห้อยลงมาจนเกือบจะติดถึงดิน โดยเชื่อกันว่าใช้ช่วยระบายความร้อนได้ สำหรับลักษณะของตัวเมียนั้น มีขนสีเทา ลักษณะเขาของมันจะตีวงแคบแล้วม้วนขึ้นข้างบน ปลายเขาไม่มีพู แต่เขากลวงแบบ Homs ขนาดเขาเท่ากัน แต่โคนเขาใหญ่ ปลายเขาจะแหลม ไม่มีการแตกกิ่งและมีความยาวประมาณ 1 เมตรได้
     
     กูปรีเป็นสัตว์ที่มีอยู่แต่เฉพาะในภูมิภาคอินโดจีนเท่านั้น ทั้งยังเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์อีกด้วย และในปัจจุบันก็ยังไม่มีการรายงานใดที่พบเห็นกูปรีอีก แต่ก็ยังมีความเชื่อและคาดการณ์กันว่าน่าจะยังมีกูปรีหลงเหลืออยู่บ้าง โดยจะอยู่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษ เนื่องจากมีผู้พบเห็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกูปรีบ่อย หากก็ยังไม่มีหลักฐานการยืนยันที่แน่ชัดว่าใช่กูปรีแท้จริงหรือไม่ นอกเสียจากเป็นการบอกเล่าปากต่อปากหรือเป็นเพียงคำร่ำลือกันมาอีกทีเท่านั้น สำหรับความเป็นมาของสัตว์ประจำชาติกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1964 พระเจ้านโรดมสีหนุ กษัตริย์แห่งกัมพูชา ได้ทรงประกาศให้กูปรีเป็นสัตว์ประจำชาติอย่างเป็นทางการ
     
     แม้อาจจะเป็นไปได้ที่สัตว์อย่างกูปรีใกล้จะสูญพันธุ์ไปแล้ว ทว่าขณะเดียวกัน หากเราชาวสมาชิกอาเซียนหลายๆ ประเทศยังร่วมกันช่วยอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า บางทีกูปรีอาจจะยังไม่สูญพันธุ์ไปจากโลก รวมถึงสัตว์ประจำชาติชนิดอื่นๆ ด้วย

 สาธารณรัฐอินโดนีเซีย 


  

สัตว์ประจำชาติอินโดนีเซีย

มังกรโคโมโด (Komodo dragon) สัตว์ประจำชาติอินโดนีเซีย
     ในกลุ่มประเทศอาเซียนแต่ละประเทศล้วนมีสัตว์ประจำชาติที่แตกต่างกันไป บ้างก็มีทั้งสัตว์ดุร้าย บ้างก็เป็นสัตว์ที่มีความเชื่อง ไม่มีพิษมีภัย และสำหรับประเทศอินโดนีเซีย สัตว์ประจำชาติก็เป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายไม่น้อยเช่นกัน นั่นก็คือ มังกรโคโมโด (Komodo dragon) สัตว์ดุร้ายชนิดนี้เหล่าสมาชิกอาเซียนหลายท่านเป็นต้องรู้จักกันไม่น้อยเป็นแน่ เนื่องจากมันมีลักษณะลำตัวที่น่าสะพรึงกลัว โดยเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่าที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักตัวมากที่สุด ลำตัวของมันจะเป็นสีเทาออกดำ นิสัยดุร้ายอย่างมาก มังกรโคโมโดมีชื่อทางพื้นเมืองว่า โอรา (Ora) ส่วนบนเกาะฟลอเรสมีชื่อเรียกว่า บีอาวัค รัคซาสา (BIAWAK RAKSASA) ซึ่งแปลว่า ตะกวดยักษ์ ทั้งนี้ มันยังเป็นสัตว์ประจำถิ่นที่สามารถพบได้ในเกาะโคโมโด เกาะริงกาและเกาะปาดาร์แห่ง ประเทศอินโดนีเซีย
     ด้วยฟันที่มีความคมและในขณะที่วิ่งล่าเหยื่อ บวกกับนิสัยอันร้ายกาจจนเป็นที่น่ากลัวมาก ๆ แล้ว หากเอาเข้าจริง แม้ว่ามังกรโคโมโดนี้จะเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษ หากก็เปรียบเสมือนว่ามันมีพิษอย่างยิ่ง เพราะมันมีเชื้อแบคทีเรียซึ่งอยู่ในน้ำลายมากกว่า 50 ชนิด หลังจากมันกัดเหยื่อแล้วจะส่งผลให้โลหิตของเหยื่อกลายเป็นพิษทันที กระทั่งเหยื่อเสียชีวิตลงภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน เหยื่อของมังกรโคโมโดจากเดิมเคยเป็นช้างแคระ แต่ในปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
     อย่างไรก็ตาม ด้วยกลไลตามธรรมชาติที่สอนให้มันต้องมีชีวิตและล่าเหยื่อต่อไป มันจึงนิยมกินเนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ เช่น กวาง วัวและควายของชาวบ้าน อีกทั้งยังล่าแม้กระทั่งลูกของมังกรโคโมโดด้วยกันอีกด้วย สำหรับการเจริญเติบโตของมันเมื่อได้ดำรงชีวิตท่ามกลางผืนป่าธรรมชาติ มังกรโคโมโดจะโตเต็มที่เมื่ออายุ 15 ปี และมีอายุยืนมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และแม้การล่าอาหารของมันจะมาพร้อมความดุร้าย แต่มันก็เป็นสัตว์ที่กินอาหารเพียงเดือนละ 1 ครั้ง โดยกินในปริมาณแต่ละครั้งได้มากถึง 3 ใน 4 ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว
 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 

สัตว์ประจำชาติลาว

ช้างเอเชีย (Asian Elephant) สัตว์ประจำชาติลาว
     ชาวอาเซียนหลายท่านย่อมรู้จักช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติไทยกันมาบ้างแล้ว ทว่าช้างยังเป็นสัตว์ประจำชาติลาวอีกด้วย เนื่องจากประเทศลาวมีช้างจำนวนมากมาย และยังเป็นสัญลักษณ์ธงแห่งอาณาจักรล้านช้างซึ่งเป็นอาณาจักรของลาวในสมัยก่อนด้วย ลำตัวของช้างมีสีเทา จมูกยื่นยาวที่เรียกว่า งวง แต่งวงของช้างเอเชียบ้านเรานั้นจะมีเพียงจะงอยเดียว ซึ่งต่างจากช้างของแอฟริกาที่มี 2 จะงอยและยังมีใบหูเล็กกว่าอีกด้วย แต่ช้างเอเชียมีอายุยืนมากกว่าช้างแอฟริกา โดยมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 60 ปี
     ลักษณะของช้างตัวผู้จะมีงายาวเรียกว่า ช้างพลาย หากไม่มีงาเรียกว่า ช้างสีดอ ส่วนตัวเมียเรียกกันว่า ช้างพัง มักจะไม่มีงาปรากฏให้ได้พบเห็น ขณะเดียวกัน ช้างบางตัวยังพบว่ามีงาสั้นอีกด้วย โดยเรียกว่า ขนาย ซึ่งโผล่ออกมาจากตำแหน่งที่ควรจะเป็นงายาวๆ สำหรับช่วงฤดูผสมพันธุ์นั้น ช้างจะมีอารมณ์ดุร้ายมาก ตั้งท้องโดยใช้เวลานานประมาณ 18-22 เดือน แต่จะออกลูกเพียงครั้งละตัวเท่านั้น ทั้งนี้ มันยังเป็นสัตว์ประเภทเลี้ยงลูกด้วยนมอีกด้วย
     งาช้าง สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. งาปลี ลักษณะเป็นลำใหญ่ วัดรอบได้ประมาณ 15 นิ้ว แต่ไม่ได้มีความยาวมากนัก
2. งาหวายหรืองาเครือ มีลักษณะยาวรี วัดรอบได้ประมาณ 14 นิ้ว
     การกินอาหารของช้างนั้น หลายคนอาจจะรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างเพราะเข้าใจว่ามันอาจจะล่าเนื้อสัตว์หรือกินมนุษย์เป็นอาหารหรือไม่ แท้จริงแล้ว ช้างเป็นสัตว์ที่เชื่องมากแถมยังกินพืชเป็นอาหาร มันมักจะอยู่รวมตัวกันเป็นโขลงหรือหลายๆ ตัว ช้างพังที่อายุมากมักเป็นหัวหน้าที่เรียกว่า จ่าโขลง ช้างเอเชียสำหรับบ้านเรา ตั้งแต่สมัยโบราณมามักจะถูกเลี้ยงไว้เพื่อนำมาใช้งานประเภทต่างๆ เช่น ใช้ลากซุง เป็นพาหนะขนสิ่งของและใช้เพื่อการสู้รบในศึกสงคราม สำหรับประเทศอาเซียนในเขตภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักนับถือช้างเป็นสัตว์ชั้นสูง สังเกตพบได้จากตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งทางตำราคชลักษณ์และธงรูปช้าง เป็นต้น

 ประเทศมาเลเซีย 

เสือโคร่งพันธุ์มลายู (Malayan Tiger)

เสือโคร่งพันธุ์มลายู (Malayan Tiger) สัตว์ประจำชาติมาเลเซีย
     เสือโคร่งมาเลเซีย เป็นเสือที่มีสายพันธุ์แยกออกมาจากเสือโคร่งอินโดจีน หากแต่มีลักษณะรูปร่างที่เล็กกว่าอยู่เล็กน้อย แต่ลักษณะโดยรวมทั่วไปนั้นถือว่ามีความใกล้เคียงกันมาก สำหรับเสือโคร่งชนิดนี้พบในป่าดิบชื้นของประเทศมาเลเซียเพนนิซูล่า ตรังกานู กลันตัน เประและปะหัง สำหรับประเทศไทยนั้นพบได้ในป่าที่อยู่ในทางตอนใต้สุดของประเทศซึ่งเป็นดินแดนติดต่อกับชายแดนประเทศมาเลเซียนั่นเอง เสือโคร่งจึงมีการแพร่สายพันธุ์และอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวทำให้เราสามารถพบเสือโคร่งเหล่านี้ได้จำนวนมาก
     หากแต่เนื่องจากปัจจุบันความเจริญรุ่งเรืองของประเทศรุดหน้าไปไกล อีกทั้งการล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาขายยังมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสือโคร่งกลายเป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะใกล้จะสูญพันธุ์ไปอย่างน่าใจหาย สำหรับเสือโคร่งพันธุ์มลายู นอกจากเป็นสัตว์ประจำชาติของมาเลเซียแล้ว ยังนับเป็นสัตว์ที่ปรากฏบนตราสัญลักษณ์แผ่นดินของมาเลเซียอีกด้วย เพราะเหตุนี้นี่เอง ประเทศมาเลเซียจึงได้รับการขนานนามว่า ‘เสือเหลือง’
     เสือโคร่งมลายูชนิดนี้ มักอาศัยอยู่ในผืนป่าเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความกว้างใหญ่อะไรนัก อีกทั้งท่ามกลางผืนป่าที่พบก็ไม่ได้มีจำนวนเสือโคร่งอาศัยอยู่มาก ขณะเดียวกัน มันชอบอาศัยอยู่ตามบริเวณป่าเต็งรังซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ อีกทั้งยังพบว่าพวกมันยังชอบอาศัยอยู่ในป่าพรุอีกด้วยในปัจจุบันทางกฎหมายของมาเลเซียได้ระบุให้เสือโคร่งกลายเป็นสัตว์คุ้มครองชนิดเข้มงวด ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 และทางมาเลเซียก็ได้รับผลตอบรับในด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สำหรับการออกกฎหมายควบคุมเพื่อลดปริมาณการล่าสัตว์ลงซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีทีเดียวที่สัตว์ประจำชาติมาเลเซียไม่ได้มีโอกาสสูญพันธุ์ไปจากโลกแต่อย่างใด

 สหภาพพม่า 


สัตว์ประจำชาติพม่า (เมียนมาร์)

เสือโคร่งพันธุ์อินโดจีน (IndoChinese Tiger) สัตว์ประจำชาติพม่า (เมียนม่าร์)
     ในประเทศอาเซียนบางประเทศก็มีเสือเป็นสัตว์ประจำชาติ เช่นเดียวกันกับเสือโคร่งอินโดจีนซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติพม่าอีกชนิดหนึ่ง ทั้งยังเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในวงศ์เสือและสิงโต (Felidae) มีลักษณะรูปร่างซึ่งเหมือนเสือโคร่งทั่วไป แต่ลายเส้นจะเล็กกว่าเสือโคร่งเบงกอลอีกทั้งลำตัวของมันยังเล็กกว่าด้วย เสือโคร่งอินโดจีนจะแพร่สายพันธุ์อยู่ในประเทศไทย ลาว เวียดนาม พม่า มาเลเซียและกัมพูชาเท่านั้น  สำหรับเรื่องอาหารการกินรวมถึงถิ่นที่อยู่อาศัย เสือโคร่งอินโดจีนจะอาศัยและมีพื้นที่หากินในป่าซึ่งเป็นที่ราบต่ำ อยู่ใกล้กับแม่น้ำอีกทั้งผืนป่าเหล่านั้นจะต้องแวดล้อมไปด้วยอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้ มันยังสามารถอาศัยได้หลากหลายสภาพป่าอีกด้วย เช่น ป่าดิบชิ้นและป่าผลัดใบ โดยจะออกล่าสัตว์ที่มีขนาดลำตัวใหญ่หรือมีลำตัวขนาดกลาง เช่น กวาง กระทิง วัวและควายป่า
     สำหรับเสือโคร่งอินโดจีนซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติพม่านั้น พบว่าการที่ป่าของประเทศพม่ามีความอุดมสมบูรณ์ ย่อมทำให้มีสัตว์ป่าเหลืออยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะเสือ เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งยังสะท้อนถึงการอนุรักษ์ผืนป่าและปกป้องสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ วัดได้จากเขตอนุรักษ์พันธุ์เสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่หุบเขาฮูกวงแห่งรัฐกะฉิ่น  ของเมืองเมียนมาร์ ทั้งนี้ ในประเทศพม่าพบว่ามีเสือโคร่งอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ เสือโคร่งสายพันธุ์เบงกอลซึ่งจะอาศัยอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำอิระวดี ส่วนเสือโคร่งสายพันธุ์อินโดจีนนั้น อาศัยอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ การแบ่งสายพันธุ์นี้ แบ่งได้จากสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศ โดยใช้แม่น้ำอิระวดีเป็นเกณฑ์หลักในการแบ่งนั่นเอง
 สาธารณรัฐฟิลิปปินส์


สัตว์ประจำชาติฟิลิปปินส์

ควาย (Water Buffalo) เป็นสัตว์ประจำชาติฟิลิปปินส์
     ควาย หรือภาษาตากาล็อกเรียกว่า “คาราบาว” เนื่องจากในสมัยก่อน ไม่ว่าประเทศไทยหรือประเทศไหน ๆ ต่างก็ล้วนเริ่มต้นวิถีชีวิตด้วยอาชีพเกษตรกรรมกันมาก่อนเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะยังไม่มีเทคโนโลยีหรือวิวัฒนาการอันล้ำสมัยใหม่ ๆ เข้ามาเอื้ออำนวยความสะดวกในการประกอบอาชีพ แม้แต่ชาวไทยหรือชาวกลุ่มประเทศอาเซียนต่าง ๆ ที่มีพื้นที่ทำกิน ล้วนต่างก็อาศัยผืนดินเหล่านั้นประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่นเดียวกันกับการปลูกข้าวแบบเดียวกับชาวนาไทย และประเทศแห่งนี้ ‘ฟิลิปปินส์’ ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ชาวบ้านตามชนบทประกอบอาชีพชาวนาหรือทำนาเป็นหลัก รวมถึงการทำไร่และสวนอื่น ๆ ไปพร้อมกันด้วย และสัตว์ประจำชาติฟิลิปปินส์ที่เห็นจะพูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ ควายนั่นเอง
     ควายเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับอาชีพชาวนาสมัยก่อน เพราะหน้าที่ของมันจะช่วยชาวนาไถนาเพื่อปลูกข้าวและทำไร่ต่าง ๆ หากสมัยก่อนไม่มีควายก็คงไม่สามารถนำสัตว์ชนิดอื่น มาใช้งานในด้านนี้ได้ดีและเหมาะสมเท่านี้เป็นแน่ ประเทศฟิลิปปินส์ จึงมีสัตว์ประจำชาติคือ ควาย และมันยังทำให้ชาวฟิลิปปินส์ได้ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของควายไม่น้อย เช่นเดียวกับคนไทยเรา เพราะหากไม่มีควายแล้วก็อาจจะไม่มีผู้ช่วยดี ๆ ที่ช่วยผลิตข้าวปลาอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ต่อไปได้แน่ เพราะฉะนั้น ใครที่มองว่าควายเป็นสัตว์ชั้นต่ำ โง่เง่าตามที่ใครหลายคนมักเปรียบความโง่กับควายนั้น ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม เพราะควายก็นับว่าเป็นสัตว์ที่มีคุณต่อชีวิตมนุษย์ในด้านการทำมาหากิน แม้ว่ายุคปัจจุบันชาวนาจะไม่จำเป็นต้องนำควายมาไถนาแล้วก็ตาม แต่เราก็ควรตระหนักถึงคุณค่าที่ยุคบรรพบุรุษของเราได้ใช้ประโยชน์จากมันมาก่อน และควายก็ไม่ได้มีไว้เพื่อช่วยไถนาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเมื่อมันอายุมากขึ้นหรือแก่ขึ้นแล้วก็จะถูกส่งเข้าโรงฆ่าสัตว์เพื่อนำเนื้อมาใช้ทำอาหาร และยังมีคุณสมบัติใช้เป็นยานพาหนะขนสิ่งของในการเดินทางอีกด้วย
 
สาธารณรัฐสิงคโปร์ 

 

สัตว์ประจำชาติสิงคโปร์

สิงโต (Lion) สัตว์ประจำชาติสิงคโปร์
     สิงโต (Lion) หากชาวสมาชิกอาเซียนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ได้ยินคำนี้กันแล้ว เป็นต้องนึกไปถึงสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีอำนาจแห่งการเป็นเจ้าป่า มีความดุร้าย น่าเกรงขามและเป็นที่หวาดกลัวของเหล่าสัตว์เล็ก สัตว์น้อย รวมถึงสัตว์ใหญ่ประเภทอื่น ๆ ทว่านอกเหนือจากนี้แล้ว สิงโตยังกลับกลายมาเป็นที่มาของชื่อประเทศสิงคโปร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
     สำหรับชื่อที่มาของประเทศนั้น มาจากคำว่า สิงหปุระ (Singapura) โดยในภาษาสันสกฤต หมายถึง เมืองแห่งสิงโต จากที่พบตามบันทึกได้มีการกล่าวไว้ว่า เจ้าชายแสงนิลา อุตามา แห่งเมืองปาเล็มบัง (ในปัจจุบันเป็นเมืองหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย) ได้เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม จากนั้นได้ลอยไปติดเข้ากับเกาะแห่งหนึ่ง เจ้าชายได้พบสัตว์ชนิดหนึ่งแล้วเชื่อมั่นว่านั่นคือ สิงโต จึงได้ตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า ‘สิงหปุระ’ (เมืองแห่งสิงโต) นั่นเอง
     สิงโตเป็นสัตว์ที่มีสัญลักษณ์หรือเป็นตัวแทนแห่งความหาญกล้า เด็ดเดี่ยวและเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ทั้งยังมีความดีอันเป็นเลิศ เป็นเจ้าแห่งผืนป่าที่สามารถปกครองเหล่าสัตว์ต่างๆ ให้อยู่ในระบบการปกครองของตนเองได้อย่างยุติธรรม นำพาความสงบและสันติสุขมามอบให้แก่ประชากรภายใต้อำนาจการปกครองของมัน ความหมายอันดีงามนี้ มีผลสะท้อนถึงวิถีชีวิตอันสงบสุขของประชาชนชาวสิงคโปร์ในปัจจุบัน สำหรับชาวอาเซียนที่มีโอกาสได้เดินทางไปเยือนสิงคโปร์ ไม่ว่าจะไปเที่ยวชม เรียนหรือทำงานก็ตาม ล้วนเป็นต้องได้พบเห็นสัญลักษณ์รูปปั้นสิงโตที่มีน้ำพุพุ่งยาวออกมาจากปาก สู่ผืนน้ำเบื้องล่าง ใครไปเห็นเป็นต้องตื่นตะลึงในประติมากรรมอันงดงามแห่งสัตว์ที่มีนามว่า ‘สิงโต’ นี้กันอยู่ไม่น้อย สำหรับรูปปั้นสิงโตสีขาวสะอาด ตั้งตระหง่านอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่องมิขาดสาย มองแล้วช่างให้ความรู้สึกอร่ามตาสดใสและใครที่ได้ไปเยือนสิงคโปร์ เป็นต้องเข้าไปถ่ายภาพกลับมาอวดใครต่อใครด้วยรอยยิ้มกลับมาเสมอ

 ราชอาณาจักรไทย

  

สัตว์ประจำชาติไทย

ช้าง (Asia Elephant) สัตว์ประจำชาติของไทย
     ช้างเป็นสัตว์บกที่นับว่ามีรูปร่างใหญ่ที่สุดในโลก ออกลูกเป็นตัวและเลี้ยงลูกด้วยนม ทั้งยังมีอายุที่ยืนยาวอย่างมาก สำหรับประเทศไทยเรานั้น ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ไทย โดยเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยโบราณ เพราะในยามออกรบจะทรงประทับบนหลังช้างเพื่อสู้รบกับข้าศึกและจะใช้ช้างที่มีลักษณะอันเป็นมงคลซึ่งตรงตามตำราคชลักษณ์ เพื่อจะได้ใช้เป็นสัตว์คู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์ สำหรับประโยชน์ของการใช้งานนั้น คนไทยเรานิยมนำช้างมาใช้ประโยชน์หลายด้านด้วยกัน ตั้งแต่พระราชพิธีมงคลตลอดจนถึงงานเกษตรกรรม ใช้ตั้งแต่ระดับพระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชนจึงถือว่าชาวไทยเราค่อนข้างมีความผูกพันกับช้างอย่างมากและสืบทอดเช่นนี้มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว
     ในสมัยก่อน ยอมรับว่าช้างเป็นสัตว์มงคลของคนไทย เพราะแสนรู้ น่ารักและใช้งานได้หลากประโยชน์ ทว่าขณะเดียวกัน เนื่องจากความเจริญรุ่งเรืองของประเทศที่พบได้ในยุคปัจจุบัน ทำให้การนำช้างมาใช้งานมีความสำคัญลดลง อีกทั้งจำนวนของช้างก็มีลดน้อยลงไปพร้อมกันอีกด้วย และทุกวันนี้ช้างป่าก็แทบจะไม่มีที่ให้อยู่อาศัย เนื่องจากมนุษย์ได้เข้าไปรุกรานทำลายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติซึ่งมีผลกระทบต่อที่อยู่ของช้าง ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดตั้งศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘สถาบันคชบาลแห่งชาติ’ ขึ้นที่จังหวัดลำปาง ในปี พ.ศ. 2512 และมีกำหนดให้ทุกวันที่ 13 มีนาคมของทุกปีเป็นวันช้างไทย เพราะฉะนั้น หากตราบใดที่คนไทยเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์ปกป้องช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติ ในอนาคตช้างก็อาจจะกลายเป็นเพียงสัตว์ในตำนานที่มีไว้เล่าขานให้รุ่นลูกหลานฟังได้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อชาวสมาชิกอาเซียนทราบกันเช่นนี้แล้วก็ต้องช่วยกันปกป้องและอนุรักษ์ช้างไทยกันด้วยนะคะ


 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม  



สัตว์ประจำชาติเวียดนาม

ควาย หรือ กระบือ (Buffalo) สัตว์ประจำชาติเวียดนาม
     ควาย นอกจากเป็นสัตว์ประจำชาติอาเซียนอย่างฟิลิปปินส์แล้ว ยังเป็นสัตว์ประจำชาติเวียดนามอีกด้วย เนื่องจากชาวเวียดนามสมัยก่อนส่วนใหญ่ก็มีอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก โดยมักจะปลูกข้าวจึงจำเป็นต้องใช้ควายในการช่วยไถนา พบได้ทั่วไปในทางภาคใต้ของประเทศ และนอกจากควายแล้ว ประเทศอาเซียนอย่างเวียดนามยังมีมังกรและเสือโคร่งเป็นสัตว์ประจำชาติอีกด้วยค่ะ
     ควายเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมและมีแกนสันหลังแข็งแรง ชาวอาเซียนหลายคนย่อมทราบดีแน่แท้ว่า มันเป็นสัตว์เพื่อเกิดมาคู่กับการทำเกษตรกรรม โดยเฉพาะงานเกษตรกรรมของประเทศเอเชียบ้านเราหลากหลายประเทศ นอกจากเป็นสัตว์ที่ชาวนามักนิยมเลี้ยงไว้สำหรับเป็นแรงงานทั้งในการทำไร่นาแล้ว ยังใช้เพื่อการขนส่งสิ่งของหรือใช้เป็นพาหนะ เมื่อควายอายุมากขึ้นก็จะถูกฆ่าเพื่อนำเนื้อของมันมากินเป็นอาหาร เรียกได้ว่าควายหรือกระบือนั้นเป็นสัตว์ที่อยู่คู่ชาวนามาทุกยุคสมัยและแทบจะทุกประเทศอาเซียนเลยก็ว่าได้ ควายจึงเป็นสัตว์ที่นับว่ามีประโยชน์หลายด้าน ทว่าปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยใหม่มีบทบาทต่อชีวิตคนเราให้เอื้อต่อการดำรงชีพได้ง่ายดายมากขึ้น ควายจึงถูกนำมาใช้งานน้อยลง
     ส่วนลักษณะรูปร่างนั้น ควายเป็นสัตว์สี่ขา มีเท้าเป็นกีบ ลำตัวจะใกล้เคียงกับวัว เติบโตเต็มที่เมื่ออายุ 5-8 ปี ผิวของมันสีเทาถึงดำ แต่บางตัวจะมีบ้างที่เป็นสีชมพู ซึ่งเราเรียกกันว่า ควายเผือก นอกจากนี้ มันยังมีเขาโดยปลายเขาของมันจะโค้งเป็นวงคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งนั่นก็คือ เอกลักษณ์ของมันที่มีความโดดเด่นในบรรดาสัตว์ตัวใหญ่ชนิดต่าง ๆ

ธงชาติประจำชาติ อาเซียน

ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน

          1. Brunei Darussalam (บรูไน ดารุสซาลาม)

ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน

          2. Kingdom of Cambodia (ราชอาณาจักรกัมพูชา)

ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน
 
          3. Republic of Indonesia (สาธารณรัฐอินโดนีเซีย)

ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน
          4. Lao People’s Democratic Republic (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว - สปป ลาว)
ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน
          5. Malaysia (มาเลเซีย
ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน
          6. Republic of the Union of Myanmar (สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า)
ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน
          7. Republic of the Philippines (สาธารณรัฐฟิลิปปินส์)
ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน

          8. Republic of Singapore (สาธารณรัฐสิงคโปร์)

ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน

          9. Kingdom of Thailand (ราชอาณาจักรไทย)

ธงอาเซียน และสัญลักษณ์ของอาเซียน

          10. Socialist Republic of Vietnam (สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม)

อาหารประจำชาติอาเซียน

1.อาหารประจำชาติอาเซียน 10 ประเทศ

อาหารประจําชาติอาเซียน 10 ประเทศ

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

1.ประเทศไทย

ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong) อาหารขึ้นชื่อที่สุดของประเทศไทยของเรา ซึ่งจริงๆแล้วในประเทศไทยมีอาหารรสชาติเยี่ยมยอดและขึ้นชื่ออยู่มากมาย แต่ถ้าจะให้เลือกอาหารที่ขึ้นชื่อและนักท่องเที่ยวต่างประเทศชอบกินกันมากที่สุด คงหนีไม่พ้นต้มยำกุ้ง ด้วยรสชาติที่เผ็ด เปรี้ยว และจี๊ดจ๊าด รวมกับกุ้งแม่น้ำและเครื่องแกงทั้ง ขา ตะไคร้ ใบมะกรูด ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองไทยต้องได้ลิ้มลองกันทุกคน และเมื่อได้ลิ้มลองทุกคนก็ต่างพากันติดใจและพร้อมที่กลับมาลิ้มลองอีกครั้ง
อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

2.ประเทศกัมพูชา

อาม็อก (Amok) อาหารยอดนิยมของประเทศกัมพูชา ที่ไม่ว่าใครจะไปเยือนต้องได้ลิ้มลอง อาม็อกดูไปดูมาก็มีหน้าตาคล้ายๆกับห่อหมกบ้านเรา เป็นอาหารที่ทำมาจากเนื้อปลาสดๆที่นำมาลวกกับเครื่องแกงและกะทิ แล้วจึงนำไปนึงให้สุก ซึ่งโดยปกติแล้วปลาจะเป็นอาหารหลักของชาวกัมพูชาเพราะหาได้ง่ายตามแม่น้ำลำคลองที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ แต่ในบางครั้งก็อาจใช้ไก่แทนได้ในบางที่

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน3. ประเทศบรูไน

อัมบูยัต (Ambuyat) เป็นอาหารที่พลาดไม่ได้เมื่อเดินไปเยือน เป็นอาหารที่ทำจากแป้งสาคู มีลักษณะคล้ายๆข้าวต้มหรืโจ๊ก ตัวแป้งจะไม่มีรสชาติจึงต้องทานคู่กับซอสผลไม้ และต้องมีเครื่องเคียงตามชอบ เช่น ผักสด เนื้อย่าง เนื้อทอด ปลาย่าง และที่สำคัญต้องทานเวลาร้อนๆเท่านั้นจึงจะอร่อยและได้รสชาติที่แท้จริง

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน 

4. ประเทศพม่า

หล่าเพ็ด ( Lahpet ) อาหารเพื่อสุขภาพที่พลาดไม่ได้ของประเทศพม่า มีลักษณะคล้ายๆกับเมี่ยงคำของประเทศไทย เป็นอาหารที่ทำจากใบชาด้วยการนำมาหมัก ทานคู่กับกระเทียมเจียว ถั่วชนิดต่างๆ กุ้งแห้ง งา มะพร้าวคั่ว ซึ่งหล่าเห็ดจะเป็นอาหารที่สำคัญในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญของประเทศพม่า ถ้าขาดไปถือว่าขาดความสมบูรณ์แบบไปเลยก็ว่าได้

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน5.ประเทศฟิลิปปินส์

อโดโบ้ (Adobo) อาหารยอดนิยมที่ต้องลิ้มลองของประเทศฟิลิปปินส์ อโดโบ้ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ โดยผ่านการหมักและปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู ชีอิ๊วขาว ใบกระวาน กระเทียม พริกไทยดำ จากนั้นนำไปอบหรือทอด ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ถือว่าเป็นอาหารที่น่าสนใจมากถ้าได้มีโอกาสไมปเยือน

 อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

6. ประเทศสิงคโปร์

ลักซา (Laksa) อาหารที่ได้รับความนิยมที่สุดในสิงคโปร์ ซึ่งลักซาจะมีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำมี 2 รูปแบบคือ แบบไม่ใส่กะทิ และแบบใส่กะทิ ซึ่งแบบใส่กะทิจะนิยมมากกว่า เพราะรสชาติจะเข้มข้นแบบแกงกะทิบ้านเรา ดูไปดูมาก็อาจจะคล้ายๆกับข้าวซอยทางภาคเหนือ แต่ลักซาจะมีส่วนประกอบเป็น กุ้ง หอยแครง จึงเหมาะกับคนทีชอบทานอาหารทะเล

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

7. ประเทศอินโดนีเซีย

กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารเพื่อสุขภาพยอดนิยมของอินโดนี้เซีย เป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยผักและธัญพืชนานาชนิด ทั้งถั่วชนิดต่างๆ มันฝรั่ง แครอท และยังมีเต้าหู้และไข่ต้มสุกอีกด้วย โดยกาโด กาโดจะรับประทานคู่กับซอสถั่วที่มีลักษณะคล้ายๆกับซอสหมูสะเต๊ะ ซึ่งในซอสจะมีส่วนประกอบของสมุนไพรอยู่ด้วยทำให้ไม่เลี่ยนกะทิเวลารับประทาน

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

8. ประเทศลาว

สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad) สลัดสุดอร่อยของประเทศลาว ที่มีรสชาติลงตัวสามารถรับประทานได้ทั้งชาวตะวันตก และตะวันออก ซึ่งส่วนประกอบก็จะคล้ายกับสลัดถั่วไปคือ แตงกวา มะเขือเทศ ผักกาดหอม แต่จะพิเศษตรงที่จะเพิ่มผักน้ำ ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านที่มีเฉพาะในประเทศลาวเท่านั้น ทานคู่กับไข่ต้มและหมูสับลวกสุก ราดด้วยสลัดน้ำใสพร้อมโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและถั่วลิสงคั่ว

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

9. ประเทศมาเลเซีย

นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารขึ้นชื่อของประเทศมาเลเซีย เป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยข้าวที่หุงกับกะทิและใบเตย ทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง คือ แตงกวาหั่น ถั่วอบ ไข่ต้มสุก และปลากะตักทอดกรอบ เมื่อก่อนอาหารชนิดนี้นิยมทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบันเป็นอาหารที่ทานกันในทุกมื้อและสามารถหาทานได้ง่าย รวมทั้งภาคต้ของประเทศไทยด้วย

อาหารอาเซียน อาหารประจำชาติอาเซียน

10. ประเทศเวียดนาม

เปาะเปี๊ยะเวียดนาม (Vietnamese Spring Rolls)อาหารที่ขึ้นชื่อมากเพราะในประเทศไทยเองก็มีขายกันอย่างแพร่หลาย ความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนามจะอยู่ที่แป้งที่ทำมาจากข้าวเจ้า แล้วนำมาห่อกับเนื้อสัตว์ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หมูยอ หรือจะนำมารวมกันก็ได้ บวกกับผักสมุนไพรชนิดต่างๆ เช่น ผักกาดหอม สะระแหน่ ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานโดยในน้ำจิ้มสามารถเพิ่มแครอทซอย ไชเท้าซอย และถั่วคั่วได้ตามต้องการ